รู้ยัง? ..."ผัดผัก"ให้อร่อย ทำอย่างไร !!


"ผัดผัก"ให้อร่อย
ความรู้สึกนึกคิดของคนเรานี่หนีให้พ้นจากกระแสรอบข้างได้ยาก เหมือนกับว่าคนอื่นรอบๆ ตัวเป็นอย่างไร เราก็ดูท่าจะเป็นอย่างนั้นไปด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่มีอะไรที่จะพาให้เป็นไปอย่างที่รอบตัวกำลังเป็น

ดูอย่างช่วงนี้ปะไร ไม่ว่าไปแห่งหนไหน เห็นร้านอาหารติดธงเหลืองเรียงรายไปทั่ว บ่งบอกให้รู้ถึงเทศกาลกินเจ

ก่อนหน้านั้นนึกไม่ออกหรอกว่าอาหารเจจะอร่อยยังไง ผัดผัก ผัดเต้าหู้ ผัดแป้ง ใส่เครื่องปรุงอะไรก็ไม่ได้มากมาย ผัดสดๆ ผัดเสร็จกินเลยยังพอไหว แต่ประเภทผัดใส่ถาดไว้ตักขายแบบร้านข้าวแกง แค่นึกถึงก็ไม่ชวนให้อยากกินเล้ว

เอาเป็นว่า สำหรับคนไม่เคยกินเจ แค่นึกก็รับรู้ถึงความจืดชืด แฉะแหมะ จนไม่นึกว่าจะต้องไปกินทำไม เมื่อยังมีอาหารอื่นให้เลือก

แต่ยุคนี้ที่ทุกเทศกาลกลายเป็นอีเวนต์กระตุ้นการค้า

"เทศกาลกินเจ" มีการโปรโมตกันเอิกเกริก เพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะกระตุ้นเศรษฐกิจในย่านคนจีน หรือการทุ่มงบโฆษณาของผลิตภัณฑ์อาหารที่เกี่ยวข้อง

หลายบริษัท ผลิต "ธงเหลือง" ขึ้นมาติดโลโก้สินค้าตัวเอง แจกจ่ายให้ร้านค้าปักโชว์ ก่อความคึกคักไปทั่วทุกย่านร้านตลาด

ยังมี "ศาลเจ้า" ทั้งใหม่ทั้งเก่า ทำประชาสัมพันธ์แข่งขันกัน จัดรถแห่ จัดพิธีเปิดเทศกาลแบบมโหระทึก

เทศกาสกินเจที่ถูกบริหารจัดการด้วยแผนการตลาดยุคใหม่ จึงกลายเป็นกระแสกระหึ่มเมือง

และเพราะกระแสนี่เองทำให้คนที่คิดว่าการกินเจเป็นเทศกาลบุญของคนที่มีความเชื่อในเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับความอร่อยของอาหาร เป็นการกินเพราะความเชื่อไม่ใช่เรื่องอร่อย ต้องกลับมาคิดใหม่

บรรยากาศที่คึกคัก และการโปรโมตที่ได้ยินทุกเวลา ทำให้ความสนใจในอาหารเจเกิดขึ้น

ลองดูก็ไม่เห็นเป็นอะไร ไม่เป็นบาปเป็นภัยอะไรอยู่แล้ว

เมื่อคนเขากินผัก ก็คิดจะกินผักบ้าง แต่อย่างว่า สำหรับคนในชนชั้นจะกินผักทั้งทีจะต้องหากันหน่อยว่า "ร้านไหนผัดผักอร่อย"

นึกถึงตรงนี้ ทำให้คิดถึงเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังไม่น้อย

เคยคุยกันเรื่องเมนูผัก

เพื่อนรุ่นน้องที่เชี่ยวชาญการปรุงอาหารเล่าให้ฟังว่า "การผัดผักให้อร่อยนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ออกจะจัดอันดับไว้ในเมนูยาก ท้าทายฝีมือกุ๊กได้ดีทีเดียวว่าทำอาหารเป็นหรือไม่"

จะเห็นว่าผัดผักส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในร้านข้าวแกงทั้งหลายไม่ให้ความรู้สึกอร่อย มันเละๆ เหี่ยวแห้ง แหยะๆ หรือที่เรียกว่า "เซ็ง"

"ที่เป็นอย่างนี้เพราะไม่รู้หัวใจของผัดผัก" เพื่อนเล่า

"ผักจะอร่อยได้เคล็ดลับอยู่ที่สุกทั่วแล้วแต่กรอบเหมือนผักดิบ" เพื่อนบอก และว่า "ตรงนี้แหละต้องมีเทคนิค การใช้เตาที่ไฟแรงสร้างอุณหภูมิสูงๆ โยนผักใส่แค่สะดุ้งไฟก็สุกทันทีแต่ยังเขียวกรอบเหมือนสด การพรมน้ำให้แค่รักษาอุณหภูมิกระทะไม่ใช่เทน้ำใส่เป็นผักต้ม หรือการหยุดความสุกด้วยการตักขึ้นมาใส่อ่างน้ำแข็ง ล้วนเป็นเทคนิคที่มีเป้าหมายเดียวกันคือ ทำให้สุกแต่ยังเขียวกรอบเหมือนผักสด"

ผักแต่ละอย่างใช้เทคนิคไม่เหมือนกัน และจะว่าไปกุ๊กหรือพ่อครัวแต่ละคนต่างมีเทคนิคส่วนตัวที่จะใช้

"ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไรหรอก เพียงแต่รู้ว่าของอร่อยเป็นอย่างไร แต่ละคนก็ไปหาวิธีการของตัวเองมาว่าทำอย่างไรถึงจะได้อย่างนั้น จะให้เกิดวิธีการแตกต่างไปหลากหลายแต่เป้าหมายเดียวกัน"

เพื่อนเล่าให้ฟัง และสรุปว่า สังเกตุเถอะ "ผักที่ผัดใหม่ๆ อย่างไรเสียก็อร่อยกว่าผักที่ผัดมาทิ้งรอไว้นานๆ ผัดผักร้านอาหารตามสั่งอร่อยกว่าที่ร้านข้าวแกง โต๊ะจีนที่ทำสดๆ อร่อยกว่าอาหารบุฟเฟต์"

เพราะธงเหลืองของเทศกาลเจแท้ๆ เชียว ที่นึกถึงเพื่อนคนนี้ขึ้นมาอีกครั้ง

คงจะต้องลองดูว่า เจที่ผัดเองนี่จะอร่อยได้ไหม

ที่มา มติชน